กลิ่นอับจุดซ่อนเร้น คืออะไร รักษายังไง ถึงจะทำให้มั่นใจขึ้น

โดยธรรมชาติจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงเราจะมีกลิ่นเบา ๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่เกิดจากการรวมตัวกันของแบคทีเรียในช่องคลอดของเราแต่กลิ่นนั้นจะต้องไม่โชยออกมาแรงจนเกินไป และต้องไม่ใช่กลิ่นคาวแรงๆ หรือเหม็นเน่า ถ้าสาวๆ คนไหนสังเกตแล้วว่าน้องสาวส่งกลิ่นผิดปกติ มีกลิ่นอับจุดซ่อนเร้น หรือมีร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น คัน แสบ หรือเจ็บเวลาปัสสาวะให้รีบไปพบแพทย์

ปัญหากลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์ เป็นปัญหาหนักใจของสาว ๆ ที่นอกจากจะทำให้เสียความมั่นใจแล้ว ยังอาจลามไปถึงปัญหาสุขภาพและส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่โดยไม่รู้ตัว ซึ่งหากใครกำลังมีปัญหาในเรื่องของกลิ่น เรามาสังเกตพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยส่งผลให้จุดซ่อนเร้นเกิดกลิ่นได้

แนะนำบทความยอดนิยม Miradry จากเว็บไซต์ Rattinan.com

สาเหตุของการเกิดกลิ่นอับจุดซ่อนเร้น

• อาหารทะเล ของหมักดอง สุก ๆ ดิบ ๆ สาวกของหมักดองทั้งหลายต้องลดการรับประทานอาหารประเภทเหล่านี้ เนื่องจากในอาหารหมักดอง และอาหารทะเลมีสารเคมีกระตุ้นตกขาวเกิดปฏิกิริยาอักเสบระคายเคืองในร่างกาย
• การสวนล้างช่องคลอดเสี่ยงการติดเชื้อ ซึ่งสาวๆ บางคนมักคิดว่าการสวนล้างช่องคลอดจะทำให้สะอาดทุกซอก ทุกมุม ซึ่งการสวนล้างช่องคลอดจะทำให้ช่องคลอดมีภาวะเป็นด่างเกินเหตุ จำนวนแบคทีเรียที่สร้างกลิ่นจึงสูงขึ้น ในขณะที่แบคทีเรียแลคโตบาซิลัสมีจำนวนลดลง อีกทั้งยังเป็น ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดช่องคลอดอักเสบ และติดเชื้ออีกด้วย
• การสวมกางเกงรัดติ้ว ทำให้เกิดความอับชื้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลวิจัยทางการแพทย์ออกมาแล้วว่า ผู้หญิงที่ใส่กางเกงยีนส์มีโอกาสติดเชื้อรามากกว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้ใส่ถึง 3 เท่า
• ชุดชั้นในไม่ได้เจอแสงแดดอย่างเพียงพอ การตากชุดชั้นในในที่ร่มจะทำให้เกิดเชื้อรา โดยเฉพาะผ้าไนลอนจะสามารถติดเชื้อราได้ง่าย ควรเลือกกางเกงในที่ผลิตจากผ้าฝ้าย เพราะเกิดเชื้อราได้ยาก และระบายความอับชื้นได้ดี
• การโกนขนน้องสาวจนเกลี้ยง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกนขนบริเวณอวัยวะเพศให้เกลี้ยง เพราะขนนั้นมีประโยชน์มาก เนื่องจากมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้กลิ่นจากภายในออกมาเหม็นคลุ้งข้างนอกแล้ว ยังช่วยป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ช่องคลอดด้วย และช่วยลดแรงเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์ แถมช่วยควบคุมอุณหภูมิแก่อวัยวะไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

กลิ่นของจุดซ่อนเร้นเป็นสิ่งที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้าม เพราะการที่น้องสาวมีกลิ่นถือว่าเป็นสัญญาณที่บอกว่าสภาพภายในช่องคลอดของผิดปกติหรือไม่ ซึ่งถ้ามีกลิ่นที่เหม็นมากจนผิดปกติ  ก็จะทำให้เราสูญเสียความมั่นใจและอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพได้ และวันนี้เราขอนำเสนอวิธีกำจัดกลิ่นน้องสาวของคุณสาว ๆ ได้เอาไปปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวัน เพื่อสุขอนามัยของน้องสาวมาฝากกัน

บทความแนะนำ ฉีดไขมันที่หน้าราคา จากเว็บไซต์ Rattinan.com

วิธีลดกลิ่นอับของจุดซ่อนเร้น

• พฤติกรรมการรับประทานอาหาร

การรับประทานอาหารของสาวๆ นั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภท หมัก ดอง รสเผ็ด และรสเค็มจัด โดยให้เน้นรับประทานพวกผักและผลไม้มากยิ่งขึ้นแต่ยกเว้นหัวหอม การรับประทานอาหารที่มีแบคทีเรียชนิดดี เช่น การกินโยเกิร์ต สามารถช่วยให้น้องสาวของเรานั้นอยู่ในภาวะที่สมดุลได้ การรับประทานสับปะรดก็ยังสามารถช่วยลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของน้องสาวเราได้อีกด้วย

• วิธีทำความสะอาดน้องสาวที่ถูกต้อง

การทำความสะอาดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ถ้าสะอาดจนเกินไปก็มีผลเสีย การสวนล้างช่องคลอดหรือใช้สบู่กับจุดซ่อนเร้นมากเกิน ถือว่าเป็นวิธีที่ผิด ทางที่ดีควรใช้น้ำเปล่าหรือสบู่ที่อ่อนมาก ๆ มาล้างเพียงภายนอกแบบเบามือก็พอ

• การใช้ผ้าอนามัย

สาวๆ ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 2 – 4 ชั่วโมงในช่วงที่มีรอบเดือน เพราะอาจทำให้เกิดการหมักหมม ส่งผลให้น้องสาวของเรามีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ อีกทั้งผ้าอนามัยก็ควรจะใส่เพียงแค่วันที่มีประจำเดือนเท่านั้น

• การสวมใส่กางเกงที่รัดจนเกิดไป

การใส่กางเกงที่รัดจนเกิดไป อาจจะทำให้น้องสาวของเราหายใจไม่ออกและยังก่อให้เกิดกลิ่นอับชื้นอยู่ภายในช่องคลอดเพราะไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ ซึ่งไม่ใช่แค่เสื้อผ้าที่รัดอย่างเดียวนะ แต่ชนิดของผ้าที่ใส่ก็มีผลด้วยเช่นกัน ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นผ้าฝ้าย และเวลาซักเสร็จก็ควรตากให้โดนแสงแดด เพราะแสงแดดสามารถช่วยลดเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้น้องสาวมีกลิ่นเหม็นได้

• การใช้แป้งฝุ่น

การใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณน้องสาว หลายๆ คนคิดว่าการใช้แป้งฝุ่นจะเป็นการที่จะลดความอับชื้นหรือเพิ่มกลิ่นหอมให้กับจุดซ่อนเร้น ซึ่งจริง ๆ แล้วการเอาแป้งฝุ่นไปทาบริเวณจุดซ่อนเร้น เป็นการรบกวนผิวและยังมีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่อีกด้วย

บทสรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เมื่อทราบถึงสาเหตุของการเกิดกลิ่นอับจุดซ่อนเร้น และข้อปฏิบัติในการลดกลิ่นอับแล้ว ท่านสามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ซึ่งเมื่อทำตามทุกอย่างแล้วกลิ่นยังไม่หายไปและอาจจะมีกลิ่นที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นท่านควรที่จะรีบเข้าพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและทำการรักษาในขั้นตอนต่อไป