โควิดอเมริกา

โรคไวรัสโคโรน่า หรือ covid-19 เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้ส่วนใหญ่จะมีอาการตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง และสามารถหายจากโรคนี้ได้เองโดยที่ไม่ต้องเข้ารับการรักษาจากทางการแพทย์ สำหรับการแพร่ระบาดของโรคนั้นจะแพร่กระจายผ่านเป็นละอองฝอยเป็นหลัก โดยจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือหายใจออก ฝอยละอองเหล่านี้มีน้ำหนักมากเกินกว่าจะลอยอยู่ในอากาศ และจะตกลงบนพื้นหรือพื้นผิวอย่างรวดเร็ว ผู้ได้รับเชื้ออาจจะติดเชื้อได้จากการหายใจเอาไวรัสเข้าสู่ร่างกาย ปัจจุบันนี้โรคนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีประชากรเป็นจำนวนมาก โควิดอเมริกา จึงมีจำนวนผู้ป่วยที่มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกกันเลยทีเดียว

มาทำความรู้จักกับโรคไวรัสโคโรน่าหรือ covid-19 กันเถอะ

โรคไวรัสโคโรน่าหรือโรค covid-19 นั้นเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่พบการแพร่ระบาดในช่วงปี 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยในตอนนั้นเราจะรู้จักกันโรคนี้ในชื่อว่า ไวรัสอู่ฮั่น ก่อนที่ภายหลังทางองค์การอนามัยโลก จึงได้ตั้งชื่อโรคติดต่อชนิดนี้ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมีชื่อว่า COVID-19 เพื่อไม่ให้เกิดรอยมลทินกับพื้นที่ที่เกิดการระบาดของโรคด้วย

โควิดอเมริกา

เชื้อโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ระบาดในคนไทยอย่างไร

ตัวเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นจะเป็นเชื้อโรคที่ไม่สามารถอยู่แบบเดี่ยว ๆ ได้ จะต้องแฝงตัวอยู่ในละอองฝอยจากการไอ หรือจาม และสารคัดหลั่งอย่างน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระ ซึ่งผู้ที่จะได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้นั้นจะต้องได้รับจากการสูดดมละอองฝอยขนาดใหญ่และละอองฝอยขนาดเล็กในอากาศ รับเชื้อเข้าไปในทางเดินหายใจ หรือใครที่อยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะ 1-2 เมตร ก็อาจจะติดเชื้อจากการสูดฝอยละอองขนาดใหญ่ และฝอยละอองขนาดเล็กจากการไอ จาม รดกันโดยตรง หรือหากอยู่ห่างจากผู้ติดเชื้อในระยะ 2 เมตรขึ้นไป ก็อาจติดเชื้อจากการสูดฝอยละอองขนาดเล็กได้เหมือนกัน

และไม่ได้เพียงแค่รับเชื้อจากการสูดดมละอองฝอยเท่านั้นไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้ยังสามารถแพร่เชื้อได้โดยการสัมผัสไม่ว่าจะเป็นการจับของใช้สาธารณะร่วมกัน แล้วมาสัมผัสเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ขยี้ตา สัมผัสปาก หรือหยิบของกินเข้าปาก เป็นต้น ซึ่งเชื้อไวรัสนี้จะก่อโรคในร่างกายมนุษย์ได้นั้นจะต้องได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าวผ่านเยื่อบุต่าง ๆ จนนำไปสู่การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น เซลล์เยื่อบุหลอดลม ซึ่งไวรัสจะใช้ผิวเซลล์ของไวรัสจับกับเอนไซม์ที่ผิวเซลล์มนุษย์ จากนั้นไวรัสจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเชื้อในตัวเรา ซึ่งหากภูมิต้านทานของเราไม่สามารถจัดการกับเชื้อไวรัสนี้ได้ จำนวนเชื้อไวรัสก็จะเพิ่มมากขึ้น และกระจายไปยังเซลล์ข้างเคียง ทำลายเซลล์ในหลอดลมและปอด ทำให้ปอดอักเสบและเกิดภาวะทางเดินหายใจล้มเหลวได้ ต้องมีการตรวจโควิด rt pcr สม่ำเสมอ

สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกานั้นปัจจุบันนี้ไวรัสโคโรน่าส่อคืนชีพในอเมริกาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นทางการสหรัฐได้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดวิทยา ด้วยชาวอเมริกันจำนวนมากยังคงไม่ฉีดวัคซีน ท่ามกลางการแพร่ระบาดตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก โดยในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 23,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากค่าเฉลี่ย 7 วันราว ๆ 11,300 คนของเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลวิเคราะห์ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์

ซึ่งข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในลอสแองเจลิส ได้พบการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนากระจายเพิ่มมากขึ้นในหมู่คนที่เป็นหนุ่มสาว และผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และเกิดจากการที่ผู้คนได้เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น การรวมตัวของสังคมในช่วงฤดูร้อน โดยไวรัสโคโรนาที่กลายพันธุ์นี้ได้รวมถึงสายพันธุ์เดลตาที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอินเดีย

โรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นกลัวอะไร

สำหรับเชื้อไวรัสตัวนี้จะไม่ทนความร้อน เมื่อไวรัสตัวนี้เจออุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสก็จะทำให้เชื้อตายได้ นอกจากนี้เชื้อไวรัสตัวนี้ยังจะตายได้ง่าย ๆ ด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้น 70% และการทำความสะอาดด้วยสบู่อย่างเหมาะสม ดังนั้นท่านควรที่จะต้องล้างมือด้วยสบู่เป็นระยะเวลา 15-30 วินาที รวมไปถึงสารลดแรงตึงผิวต่าง ๆ เช่น ผงซักฟอก สารฟอกขาว (Sodium hypochlorite) ที่ความเข้มข้น 0.1-0.5% โพวิโด ไอโอดีน 1% หรือไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ 0.5-7.0% เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้เชื้อไวรัสโคโรนาจะไม่ทน เพราะไวรัสชนิดนี้มีไขมันหุ้มอยู่ด้านนอก ดังนั้น หากใช้สารลดแรงตึงผิวทำลายไขมันที่หุ้มอยู่ได้ ก็จะฆ่าไวรัสได้นั่นเอง

ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาจะมีวิธีใดบ้าง

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้รับการติดเชื้อไวรัสโคโรนานี้ทางเราได้หาวิธีป้องกันการติดเชื้อมาให้ท่านได้ศึกษาและปฏิบัติตามได้ ดังนี้

  • ท่านควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ ที่มีการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา
  • ท่านจะต้องสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการสูดดมละอองฝอยขนาดใหญ่ได้ถึง 80%
  • ท่านจะต้องอยู่ห่างจากผู้ป่วย หรือผู้ที่มีอาการไอ จาม อย่างน้อย 2 เมตร
  • หมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจับหรือใช้ของสาธารณะ หลังเข้าห้องน้ำ และก่อนรับประทานอาหาร
  • ท่านจะต้องหลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสใบหน้า และดวงตา
  • ควรรับประทานอาหารปรุงร้อน สดใหม่ และใช้ช้อนกลางทุกครั้ง

By WorldGymBowie.com

ดูแลจุดซ่อนเร้น โดยการ ศัลยกรรม จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศัลยกรรมจุดซ่อนเร้น รีแพร์กระชับช่องคลอด ช่วยดูแลจุดซ่อนเร้น ไม่ให้มีกลิ่น และสิ่งสกปรก