โบท็อกหน้าเรียวอยู่ได้กี่เดือน

สิ่งแรกที่จะทำให้ผู้คนที่พบเห็นประทับใจในตัวเราก็คือใบหน้า ถือได้ว่าเป็นจุดสำคัญที่ทุกคนให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีแก้มใหญ่ กรามใหญ่ แบนและบาน และต้องการมีรูปหน้าที่เรียวสวยงามการทำศัลยกรรมด้วยการฉีดโบท็อกถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะปรับรูปหน้าให้เรียวมากขึ้นได้ แต่หลายคนก็อาจจะมีความสงสัยว่าฉีดโบท็อกหน้าเรียวอยู่ได้กี่เดือน การฉีดโบท็อกนั้นก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่มีใบหน้าหรือรูปหน้าที่ใหญ่ให้มีความเรียวและเล็กลง และก่อนที่จะเข้ารับบริการการฉีดโบท็อกเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลงนั้นผู้เข้ารับบริการจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจฉีดโบท็อกหน้าเรียว

ฉีดโบท็อกช่วยในเรื่องอะไรได้บ้าง ?

การฉีดโบท็อกที่ถูกวิธีนั้นจะไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งและยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างปกติ เนื่องจากโบท็อกจะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด เช่น หาก ฉีดโบท็อก ในบริเวณกล้ามเนื้อที่หน้าผากส่วนกลางแล้ว จะไม่กระทบกับการทำงานของกล้ามเนื้อหน้าผากด้านข้าง ผู้เข้ารับบริการสามารถยกคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นการแสดงสีหน้าและอารมณ์ก็จะเป็นไปได้อย่างปกติ การฉีดโบท็อกนั้นยังช่วยให้ผิวเรียบตึงได้และยังช่วยลดการทำงานในส่วนของกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวขึ้นได้อีกด้วย ในการฉีดโบท็อกนั้นยังช่วยเรื่องต่าง ๆ ได้ดังนี้ การฉีดโบท็อกนั้นสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้ ช่วยให้รูปหน้าดูเรียวเล็กลง ก่อนเข้ารับบริการไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากเป็นพิเศษ เมื่อฉีดเสร็จสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ และเมื่อปรับรูปหน้าให้มีรูปหน้าที่เรียวสวยด้วยโบท็อกนั้นยังเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองและมีผลข้างเคียงน้อยอีกด้วย

ตำแหน่งที่ไม่ควรที่จะฉีดโบท็อก ก็จะมีบริเวณเปลือกตา ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนที่มีเส้นประสาทในส่วนของการกระพริบตาซึ่งเป็นจุดที่อันตรายมากไม่ควรฉีดเป็นอย่างยิ่ง และส่วนของห้าคิ้วด้านนอก ส่วนนี้ก็จะมีเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ในการยักคิ้ว เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณนี้จะทำให้หากคิ้วหล่นทำให้ใบหน้ามีความเศร้าตลอดเวลา และจุดสุดท้ายที่ไม่ควรฉีดคือมุมปาก ร่องแก้ม จุดนี้จะมีกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม ซึ่งการยิ้มนั้นส่วนบนคือร่องแก้ม อีกส่วนคือมุมปากเมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้ปากตกและทำให้ใบหน้าบึ้งได้ตลอดเวลา

ฉีดโบท็อกบริเวณไหนได้บ้าง ?

โบท็อกสามารถฉีดได้ทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่จะได้แก่กล้ามเนื้อกราม และน่อง เมื่อฉีดโบท็อกไปได้ 2 วันไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาดเนื่องจากจะไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้โบท็อกที่ฉีดไปย่อยสลาย ถือได้ว่าเป็นการฉีดโบท็อกที่สูญเปล่า และหลังการฉีด 1 วันจะมีอาการบวมแดงแต่จะหายได้เองภายใน 1 วัน  เมื่อฉีดเข้ากล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่นบริเวณหน้าผาก หางตา และระหว่างคิ้ว ตัวยาจะออกฤทธิ์ใน 1 สัปดาห์ หลังจากฉีดแล้ว 4 ชั่วโมง ยังไม่ควรนอนราบหรือนอนตะแคง เพราะว่า การกระจายตัวของยาอาจผิดตำแหน่งจากที่แพทย์คาดไว้ และต้องคอยบริหารกล้ามเนื้อที่ฉีดบ่อย ๆ ด้วย เช่น ถ้าฉีดกรามก็ควรเคี้ยวหมากฝรั่งบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่แพทย์ว่าจะให้เคี้ยวนานเท่าไร

หลังการฉีดโบท็อก 2 สัปดาห์ ผู้เข้ารับบริการไม่ควรอบไอน้ำ อบซาวน์น่าหรือทำไอออนโต เนื่องจากจะส่งผลต่อสารโบท็อกที่ได้ฉีดเข้าไป แต่ก็ยังสามารถอาบน้ำอุ่นและไดร์ผมได้ ไม่ควรออกไปข้างนอกในขณะที่มีแดดแรง ๆ หากต้องการแต่งหน้าสามารถแต่งได้หลังจากการฉีดโบท็อกไปได้ 1 สัปดาห์

ปกติแล้วการฉีดโบท็อกหน้าเรียวอยู่ได้กี่เดือนเมื่อได้รับการฉีดเข้าสู่ใบหน้าจะอยู่ได้นานประมาณ 3 – 8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ เพราะการฉีดสารประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้วคนจะกลับมาฉีดซ้ำเรื่อย ๆ เนื่องจากเมื่อฉีดแล้วจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นนั่นเอง

จะดูยังไงว่าเป็นโบท็อกแท้ ?

• ความเข้มข้นของโบท็อกนั้นหากมีความเข้มข้นน้อยก็จะเห็นผลช้าหรือแทบจะไม่เห็นผลเลย แต่หากสูงมากเกินไปก็อาจทำให้ผู้เข้ารับบริการถึงกับช็อกได้ เนื่องจากได้รับเกินมาตรฐาน
• ส่วนใหญ่แล้วการฉีดโบท็อกนั้นจะไม่ค่อยพบคนที่แพ้สารนี้นอกจากจะไปเจอกับโบท็อกปลอมหากผู้เข้ารับบริการได้รับโบท็อกปลอมเข้าไปอาจทำให้ช็อกได้ หรือหากเกิดอาการแพ้ก็อาจเกิดการต่อต้านเมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้หรือที่เรียกว่าดื้อยาทำให้ไม่สามารถใช้โบท็อกได้ตลอดชีวิต
• โบท็อกที่ได้มาตรฐานจะมีความเข้มข้นของโมเลกุลที่เท่ากัน การกระจายตัวก็เท่ากัน แต่หากโบท็อกที่ไม่มาตรฐาน โมเลกุลไม่เท่ากัน เกิดการกระจายตัวมากกว่าปกติ จะฉีดกล้ามเนื้อมัด A คลายการทำงานมัดที่กำลังดึงลง ดันไปกระทบมัดที่กำลังดึงขึ้น คิ้วที่จะยก ก็กลับตกลง เป็นต้น

โบท็อกหน้าเรียวอยู่ได้กี่เดือน เป็นคำถามที่ผู้ต้องการเข้ารับการฉีดโบท็อกหน้าเรียวต้องการจะทราบ เนื่องจากการฉีดโบท็อกนั้นผู้เข้ารับบริการไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก สามารถเดินเข้าไปฉีดได้เลย แต่ก่อนที่จะเข้ารับบริการควรศึกษารายละเอียดให้ดีไม่ว่าจะเป็นสถานบริการ ซึ่งจะต้องมีความปลอดภัย และจะต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาและพร้อมให้บริการ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้เข้ารับบริการเอง